เมื่อลูกอยากสูง/สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน ลูกชายสองคนของดิฉันกำลังเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัว เริ่มสนใจตัวเองอยากให้ดูดี อยากสูง อยากตัวใหญ่ อยากมีซิกแพคตามอย่างที่วัยรุ่นชายทั่วไปปรารถนา ยิ่งเรื่องอาหารการกินจะเลือกกินอาหารที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มความสูงและเพิ่มพลังงานให้กับเขาอย่างเต็มที่ ช่วงนี้ครอบครัวเราจึงได้เห็นภาพลูกชายกินสารพัดเก่งเหลือเกิน
ที่เก๋ไปกว่านั้น เขามักจะพูดถึงวิตามินเสริม โปรตีนสารพัดที่ฟังมาจากเพื่อนว่าช่วยเพิ่มพลังงาน เพิ่มความสูง ยิ่งเขาเป็นนักกีฬายิ่งต้องการมากเป็นพิเศษ ก็เริ่มเรียกร้องอยากให้แม่ซื้อให้กินบ้าง เดือดร้อนแม่ต้องไปหาข้อมูลก่อนว่าวิตามินทั้งหลายที่ว่านั้นมีคุณสมบัติอย่างไร ยอมบ้างไม่ยอมบ้างแล้วแต่กรณีไป
แต่สุดท้ายเรื่องที่ต้องคุยกันก่อนก็คือ ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อความสูงของคนเรา
หนึ่ง กรรมพันธุ์
เมื่อสมัยแม่เป็นเด็กก็ตัวผอมแห้งแรงน้อย ส่วนพ่อก็ไม่ใช่คนรูปร่างสูงใหญ่ เพราะฉะนั้นลูกต้องประเมินจากรูปร่างของพ่อแม่ด้วย เพราะพ่อแม่ปู่ย่าตายายเป็นตัวกำหนดโครงสร้างพื้นฐาน และลูกก็มีแนวโน้มที่จะมีรูปร่างแบบพ่อแม่ปู่ย่าตายายด้วย หรืออาจลองคำนวณความสูงของลูกคร่าว ๆ ด้วยการนำความสูงของพ่อและแม่มาบวกกัน จากนั้นถ้าเป็นลูกชายให้เอา 13 มาบวกเพิ่ม แต่ถ้าเป็นลูกสาวให้เอา 13 มาลบออก แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้มาหาร 2 ก็จะได้ตัวเลขความสูงประมาณการของลูก
สอง โภชนาการ
การรับประทานอาหารครบหมวดหมู่สำคัญที่สุด ยิ่งลูกเป็นนักกีฬายิ่งต้องสนใจเรื่องการได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพราะอาหารมีผลต่อความแข็งแรงของกระดูกอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น สารอาหารที่สำคัญในการทำให้กระดูกแข็งแรง ก็คือแคลเซียม แต่ถ้าลูกกินอาหารไม่ครบหมวดหมู่ ไปเน้นเฉพาะอาหารเสริมอย่างเดียวก็ไม่เกิดประโยชน์ อาจทำให้ขาดสารอาหารบางอย่างด้วย
ฉะนั้น เรื่องอาหารการกินของลูกจึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ต้องคอยให้คำแนะนำที่ถูกวิธีและเหมาะสมตามวัย เพราะปัจจุบันมีวิตามิน และอาหารเสริมในท้องตลาดจำนวนมากที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ยั่วยวนใจเต็มบ้านเต็มเมือง จึงจำเป็นที่ต้องให้ข้อมูลและอธิบายให้ลูกได้รู้เท่าทันสื่อด้วย
สาม ฮอร์โมน
ฮอร์โมนที่มีผลต่อการเจริญเติบโตที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ growth hormone ซึ่งต่อมใต้สมองจะผลิตฮอร์โมนตัวนี้ออกมากระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก ทำให้กระดูกขยายตัวในแนวยาว ทำให้ตัวสูงขึ้น เจ้า growth hormone จะทำงานและหลั่งฮอร์โมนได้ดีที่สุด เมื่อร่างกายนอนหลับสนิทและนานเพียงพอ ฉะนั้นเด็กที่อดนอน ก็จะส่งผลต่อความสูงด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ไทรอยด์ฮอร์โมน ซึ่งสร้างจากต่อมไทรอยด์ ก็มีผลต่อสมองและความสูงอย่างมาก ถ้าเด็กขาดฮอร์โมนตัวนี้ มักจะมีพัฒนาการช้าและเตี้ย
รวมไปถึงฮอร์โมนเพศก็สำคัญเช่นกัน หากเด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวกันเร็ว จะส่งผลให้กระดูกปิดเร็วและค่อยๆ หยุดการเจริญเติบโตในที่สุด เนื่องจากพบว่าเด็กผู้หญิงที่มีประจำเดือนเร็ว มีแนวโน้มที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่สูง ส่วนมากเด็กหญิงที่มีประจำเดือนแล้ว 3 ปี และเด็กชายที่เสียงแตกมาแล้ว 3 ปี มักจะหยุดโตและหมดโอกาสที่จะสูงได้อีก
สี่ ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายสำคัญอย่างมากสำหรับเด็กยุคนี้ กีฬาบางชนิดช่วยทำให้เด็กสูงได้ เช่น บาสเก็ตบอล กระโดดเชือก ฯลฯ และการออกกำลังกายจะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองหลั่ง growth hormone ได้เหมือนกัน และยังกระตุ้นให้เซลล์ที่สร้างเนื้อกระดูกดึงแคลเซียมจากเลือดมาสร้างกระดูกให้แข็งแรงได้ด้วย ยิ่งเป็นเด็กวัยรุ่นยิ่งต้องให้เขาหรือเธอต้องใช้พลังงานในการออกกำลังกายให้ได้มากที่สุด เพื่อการเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ที่สำคัญยังช่วยเรื่องทักษะอื่นๆ ในชีวิตด้วย
ห้า ติดตามพัฒนาการ
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ควรติดตามดูการเจริญเติบโตของลูกอย่างสม่ำเสมอ จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดตั้งแต่แรกเกิด โดยปกติพ่อแม่จะได้สมุดสุขภาพของลูกตั้งแต่คลอดลูกแล้ว ควรที่จะจดบันทึกความสูงและน้ำหนักของลูกในแต่ละปี ว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร โดยดูได้จากกราฟการเจริญเติบโตที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในสมุดสุขภาพของลูกด้วย และหากเห็นความผิดปกติของลูก หรือไม่แน่ใจเพราะไม่เป็นไปตามมาตรฐานของกราฟ ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที จะได้รีบแก้ไขปัญหา
เมื่อเด็กโตก็สามารถสังเกตจากความเปลี่ยนแปลงของขนาดเสื้อผ้า รองเท้า หรือเปรียบเทียบจากเด็กวัยเดียวกัน ก็พอประมาณการได้ว่าลูกของเราเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่
เด็กรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงต่างปรารถนาอยากเป็นคนที่รูปร่างดี สูง เป็นเรื่องปกติ แต่พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจให้ลูกมีความรู้และปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมถูกวิธีด้วย
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยยืดความสูง และเริ่มกลายเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น เด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาเรื่องความสูงเริ่มหันมาสนใจวิธีการนี้กันมากขึ้น ทั้งที่มันจะทำให้เจ็บตัว และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก แต่ดูเหมือนเด็กรุ่นใหม่ไม่ยี่หระต่อเรื่องนี้เท่าใดนัก เพราะอยากสวยและหล่อมากกว่า
ก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้เกิดแฟชั่นอย่างนี้ละกัน…!!!
เพราะ…ปัญหาที่แท้จริงของเด็กยุคนี้ ที่พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ คือให้ความรู้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องและเหมาะสม อย่าวิ่งตามกระแสหรือตกเข้าไปเป็นเหยื่อของความพอใจของรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ การสร้างทักษะให้ลูกพึงพอใจกับรูปลักษณ์ของตัวเอง และเห็นความสำคัญของคุณค่าจากด้านในของจิตใจมากกว่าค่ะ
ข้อมูลจาก :
http://www.manager.co.th/Family/