พ่อแม่ที่มีลูกดี จากการติดตามงานวิจัยจากแหล่งต่างๆ ผมพอสรุปได้ว่า พ่อแม่ที่มีลูกดี มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. พ่อแม่ที่ลูกเชื่อฟังและเคารพ มรดกทางคุณธรรมที่สำคัญที่สุดที่พ่อแม่จะถ่ายทอดไปยังลูกคือ การที่ลูกเชื่อฟังและเคารพ จากการศึกษาพบว่า ถ้าพ่อแม่ควบคุมลูกไม่ได้เมื่อลูกอายุ 5 ขวบ จะสามารถทำนายอนาคตทางคุณธรรมของเด็กได้ว่ามีโอกาสที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว สาเหตุที่ลูกไม่เชื่อฟังมักเกิดจากคำพูดของพ่อแม่ที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ พูดแล้วไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ตนพูด เช่น พอบอกลูกว่า" หยุด " " ไม่ได้นะเดี๋ยวแม่จัดการนะ " แต่พอลูกไม่ปฏิบัติตาม แม่ก็ไม่มีการปฏิบัติการจัดการอะไร มีแต่บ่นหรือหัวเสีย ต่อไปคำพูดว่า " หยุด " หรือ " ไม่ " ไม่มีความหมายในสมองเด็กเลย ผมขอเน้นว่าเด็กต้องเชื่อฟังและเคารพ เพราะพ่อแม่ที่เผด็จการดุมาก เด็กอาจเชื่อฟังแต่ไม่เคารพก็ได้ การที่เด็กจะเคารพพ่อแม่นั้น พ่อแม่ต้องทำตัวให้น่าเคารพด้วย
2. สอนว่าสิ่งใดถูกหรือผิด มีผู้ตั้งตนเป็นผู้รู้แนะนำว่า เราควรปล่อยให้เด็กคิดเอง ตัดสินใจเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่เด็กต้องการการปลูกฝังในสิ่งที่ถูกต้องด้วย ปัจจุบันนี้เราพบว่าเด็กของเราไม่รู้จักเลือกว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ไม่ทราบว่าขนมนี้ควรซื้อหรือไม่ ของเล่นชนิดนี้ดีหรือไม่ ควรดูภาพยนตร์บางเรื่องหรือไม่ ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นเพราะพ่อแม่เองก็ไม่รู้หรือไม่เอาใจใส่ในการสอน การสอนเรื่องคุณค่า ค่านิยมของการดำเนินชีวิต เรื่องใดถูกหรือผิดเป็นเรื่องที่สำคัญ พ่อแม่ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นการยัดเยียดทางศีลธรรมหรือทำให้เด็กเก็บกด เด็กจำเป็นต้องได้รับการปลูกฝังในคุณค่าที่ถูกต้อง เช่น ความรัก ความประพฤติชอบ ความสงบ ความจริง การไม่เบียดเบียน ฯลฯ มีแม่ลูกคู่หนึ่งซึ่งยากจนมาก แม่จะแบกลูกไว้บนบ่า พาลูกไปรับจ้างทำงานเล็กๆน้อยๆ ตั้งแต้เล็กๆลูกชอบหยิบฉวยของในตลาด แม่ก็จะดีใจชมว่าลูกเก่ง สามารถเอาตัวรอดได้แน่ เมื่อโตขึ้นนิสัยลักเล็กขโมยน้อยก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนเริ่มจี้ปล้น มีจิตใจโหดเหี้ยมมากขึ้น ครั้งหนึ่งเขาไปปล้นร้านทองแล้วฆ่าเจ้าของร้านตาย ต่อมาถูกตำรวจจับได้ส่งฟ้องศาลศาลตัดสินประหารชีวิต ก่อนจะถูกประหารเขาขอพบหน้าแม่สักครั้งหนึ่ง ผู้คุมและตำรวจต่างพากันแปลกใจว่า เจ้าโจรใจอำมหิตคนนี้ยังมีความกตัญญูด้วย เมื่อเขาพบหน้าแม่ สิ่งแรกที่เขาทำคือ ตรงเข้าไปตบหน้าแม่พร้อมกับกล่าวว่า " เป็นเพราะแม่แท้ๆ ผมจึงถูกประหารชีวิต เมื่อตอนผมเป็นเด็ก ผมขโมยหยิบของคนอื่นแม่ก็ชมว่าเก่ง แล้ววันนี้ผมเป็นอย่างไร "
3. สอนลูกให้มีความรัก มีผู้รู้พบว่า หัวใจของคุณธรรมคือ เรื่องของความรัก ความเมตตา ถ้าอยากจะให้เด็กเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์มีคุณธรรมมากและมีความสุขด้วย หัวใจที่สำคัญคือ การสอนลูกให้มีความรักมากๆ รู้จักให้ รู้จักอภัย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น เราควรสอนลูกให้เห็นอกเห็นใจคนที่มีสถานะต่ำกว่าเรา ยินดีในสิ่งที่ดีๆที่คนอื่นมี และพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ เราใช้หลักการนี้ในการฝึกวินัยด้วย เช่น ถ้าลูกไปรังแกน้อง พ่อแม่ควรจะบอกกับเด็กว่า " แม่เสียใจที่ลูกรังแกน้อง หนูลองคิดดูซิว่า ถ้ามีคนมารังแกหนู หนูจะรู้สึกอย่างไร " เพื่อให้เด็กพยายามเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นที่ถูกตนกระทำ ท่านสัตยาไสยกล่าวว่า เมื่อความรักปรากฏออกมาในการกระทำ เราก็จะมีความประพฤติชอบ เมื่อความรักปรากฏออกมาในอารมณ์ เราก็จะมีความสงบ เมื่อความรักปรากฏออกมาในความคิด เราก็จะแสวงหาความจริง เมื่อความรักปรากฏออกมาในความเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อม เราก็จะไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ความรักเป็นหัวใจในการเปลี่ยนแปลงลูกของเราครับ
4. สอนลูกให้คิดก่อนทำ ถ้าอยากจะรู้ว่าใครเป็นคนมีการศึกษา มีวัฒนธรรมหรือไม่ เราไม่ต้องดูจากปริญญาหรือชาติตระกูลครับ ให้ดูว่าคนนั้นคิดก่อนจะมีการกระทำหรือไม่ คิดถึงผลที่จะเกิดจากการกระทำว่าเป็นเช่นไร กระทบใครหรือไม่ คนที่ก่อให้เกิดปัญหามักจะเกิดจากการมิได้คิดก่อนทำ เช่น โกรธก็แสดงออกทันที อยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้ทันที มีการทดลองพบว่า เด็กที่รู้จักรอคอย รู้จักคิดก่อนทำ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จและมีความสุขมากกว่า พ่อแม่ควรฝึกให้ลูกรู้จักรอคอย มิใช่คอยรีบหาของให้ ตามใจลูกมากจนลูกคอยไม่เป็น
5. พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดี เด็กจะเรียนจากสิ่งที่พ่อแม่เป็นมากกว่าสิ่งที่พ่อแม่สอนโดยการพูด หากต้องการให้ลูกพูดไพเราะ พ่อแม่ก็ต้องพูดไพเราะ เมื่อเห็นลูกมีลักษณะเช่นไร ก็ควรถือว่าเป็นภาพสะท้อนถึงตัวพ่อแม่ว่าพ่อแม่เองอาจมีลักษณะเช่นนั้นด้วย พ่อแม่ที่คอยพร่ำสอนลูกว่าอย่าโกหก แต่พอโทรศัพท์ดังขึ้น พ่อกลับบอกลูกว่า " บอกเขาไปว่าพ่อแม่ไม่อยู่ " ในที่สุดเด็กจะอ่านพ่อแม่ออกทะลุปรุโปร่งและเลียนแบบในสิ่งที่เขาเห็น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
จิตแพทย์เด็ก คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ข้อมูลจาก :
http://ecurriculum.mv.ac.th