ลงทะเบียนเข้างาน
Mobile number
e-mail
Sponsors
view all
Banner
view all
News
Share
ไขปริศนาภาษาทารกเพื่อความสุขลูกน้อย

ไขปริศนาภาษาทารกเพื่อความสุขลูกน้อย เสียง “อ้อแอ้” ของทารกปริศนาที่คุณแม่ทั่วโลกอยากรู้ว่าลูกน้อยต้องการสื่อสารอะไร ได้ถูกไขความลับ ความมหัศจรรย์ของศาสตร์ “ภาษาเด็กทารก” แล้ว โดย “พริสซิล่า ดันสแตน” ผู้เชี่ยวชาญการสื่อสารภาษาเด็กทารก ระดับโลกที่กำลังฮิตสุดๆ ในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ซึ่ง “แป้งเด็กแคร์” ชิงดึงตัวมาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ พร้อมทั้งชวนมาถอดรหัสภาษาทารกในประเทศไทย ในงานเปิดตัวแคมเปญ “แคร์ไขปริศนาหาความสุขเพื่อลูกน้อย” ที่ลานเซ็นทรัลคอร์ท ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็วๆนี้ 

ที่มาของแคมเปญไขปริศนานี้ “แคโรไลน์ คอมเบอมาล” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เริ่มจากทำการศึกษาเบื้องต้นกับกลุ่มคุณแม่และคุณแม่มือใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่มักประสบปัญหาการไม่เข้าใจว่า เสียงร้องของลูกน้อยมีความหมายอย่างไร หรือต้องการอะไร ทำให้ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในสิ่งที่ลูกสื่อสารออก มาได้อย่างถูกต้อง ทำให้ลูกร้องไม่หยุด ส่งผลกระทบ ต่อตัวคุณแม่ทำให้เกิดความเครียดและยังส่งผลต่อการ พัฒนาทางด้านร่างกายและจิตใจของเด็กอีกด้วย จึงอยากแนะนำศาสตร์มหัศจรรย์ในการถอดรหัสภาษาเด็กทารกให้กับคุณแม่ทั่วไป เพื่อความสุขของลูกน้อยและ คุณแม่ 

ส่วนความลับของภาษาทารกนั้น “พริสซิล่า ดันสแตน” ผู้ค้นพบศาสตร์ของการถอดรหัสได้เล่าว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้ค้นคว้าวิจัยในเรื่องนี้ มาจากลูกชายของเธอ ซึ่งตอนนี้อายุ 10 ขวบแล้ว เมื่อตอนเล็กๆ ร้องไห้ ตลอดเวลา จุดประกายให้เธอพยายามศึกษาและพยายามฟังเสียงของลูกร้อง โดยดูว่าเสียงไหนของลูกดูมีความสุข แล้วหาสาเหตุว่าทำไม พร้อมทั้งหาเสียงก่อนที่ลูกจะร้องว่าเป็นเสียงอะไร จากนั้นจึงทำการศึกษาวิจัยต่อ โดยได้ทำการบันทึกเสียงของเด็กทั่วโลก จำนวนมากกว่า 1,000 คน จาก 20 ประเทศทั่วโลก และ พบว่าเด็กทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน จะมีการ สื่อสารด้วยภาษาสากลเดียวกัน หรือ Universal words นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมมีผลต่อการร้องของเด็กด้วย อย่างตอนที่มาเมืองไทย ก็ทำให้รู้ว่าเด็กไทยอาจมีปัญหาการร้องต่างกับเด็กอเมริกัน เพราะอากาศของเมืองไทยร้อนชื้นกว่า 

พริสซิล่าได้ไขความลับให้ฟังว่า ภาษาเด็กทารกที่เป็นเอกลักษณ์ของเด็กวัยแรกเกิดจนถึง 6 เดือน จะสื่อสารด้วยภาษาสากลหลักๆ ทั้งหมด 4 คำ ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันคือ 1.เสียง “เฮะ” เป็นเสียงที่ร้องบ่อยที่สุด เพื่อต้องการสื่อสารว่า กำลังรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งเกิดจากความเปียกชื้น ร้อนเหนียวตัว เสียง “เฮะ”นี้อาจจะอยู่ตอนไหนของประโยคก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ต้นประโยค วิธีการแก้ก็ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือพาไปอาบน้ำ 2. เสียง “เอะ” อาจจะไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักในเด็กไทย หมายถึงเด็กมีอาการอึดอัดเพราะมีลมในท้อง การแก้ก็ด้วยการอุ้มเด็กไว้ที่บ่า แล้ว ลูบหลังเบาๆ และให้โน้มตัวเด็กไปข้างหน้า เพื่อให้ลมในท้องออกมาให้หมด เสียงที่ 3 คือ “อาว” มีความหมายว่าง่วงนอน เหมือนเสียงหาว ก็ควรอุ้มกล่อมให้เขาได้นอน สุดท้ายคือเสียง “อึนเนะ” หมายถึงกำลังหิวนมหรือกระหายน้ำ ซึ่งก็ควรป้อนนมหรือป้อนน้ำให้ลูก

พริสซิล่ายังแนะนำคุณแม่มือใหม่อีกว่า แม่ทุกคนสามารถแยกแยะและฟังเสียงที่ลูกร้องออกมาว่าต้องการอะไร เพียงแต่ต้องคอยสังเกต...แต่ถ้าอยากเรียนรู้เพิ่มเติมและอยากฝึกฝน แคร์จัดทำวีซีดี “รู้ไหมหนูบอกอะไรแม่” ขอได้ฟรีที่ 1800-800-900.

  
 ข้อมูลจาก : http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=107459
News Others
Promotion Credit Card in BBB55
Promotion Credit Card in BBB55
初回入場時登録
初回入場時登録
ครอบครัว BBB บริจาคเงิน สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ
ครอบครัว BBB บริจาคเงิน สมทบทุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ
ทุนมะเร็งในเด็ก, ทุน OPD เด็ก, ทุนศัลยกรรมในเด็ก
Sponsors
view all
Banner
view all