แนะใช้ 3 อ.รับมืออาการวัยทอง ร่วมขานรับ “วันสตรีวัยทองโลก (World Manopause Day) ในวันที่ 18 ตุลาคมของทุกปี สมาคมวัยหมดระดูแห่งประเทศไทย, กรมอนามัยและไบเออร์ เชริงฟาร์มา จึงจัดงาน “วันสตรีวัยทองโลก 2551” โดยมีการเสวนา และเปิดตัวคู่มือ “วันใส...วัยทอง” เพื่อให้ข้อมูลและความรู้ในการรับมือความผิดปกติของร่างกายจากอาการวัยทอง และดำรงชีวิตอย่างมีความสุข ที่โรงแรมแกรนด์มิลเลนเนียม
ศาสตราจารย์กิตติคุณ แพทย์หญิงคุณหญิงกอบจิตต์ ลิมปพยอม นายกสมาคมวัยหมดระดูแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดระดูจะอยู่ในช่วงอายุ 40-45 ปี หรือ 1 ใน 3 ของชีวิต อาการที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นอาการของโรค แต่เป็นปัญหาทางธรรมชาติ คนรอบข้างจะต้องทำความเข้าใจ ซึ่งจากการวิจัยของแพทย์ในกลุ่มประเทศในทวีปเอเชียพบว่า อาการของวัยหมดระดูที่พบมากที่สุดได้แก่ ร้อนวูบวาบ 80% หงุดหงิด 73% ปวดหลัง 72% จากสถิติจะเห็นว่าผู้หญิงในวัยหมดระดูจำนวนมากต้องทนกับอาการต่างๆ เพราะขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวัยหมดประจำเดือน ซึ่งเมื่อผู้หญิงก้าวสู่วัยนี้ธรรมชาติรังไข่ จะหยุดผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้บางคนต้องเผชิญกับการเปลี่ยน แปลงต่างๆทั้งด้านร่างกาย จิตใจ ความรู้สึกทางเพศ และการปรับตัวทางด้านสังคม จึงทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ ซึ่งแต่ละคนมีอาการไม่เหมือนกัน บางคนนอนไม่หลับ ผมร่วง เล็บเปราะ อาการคัน เหงื่อออกมาก เครียด ปวดเมื่อยตามตัว เหล่านี้จึงควรเข้ารับการแนะนำจากแพทย์
ด้านศาสตราจารย์แพทย์หญิงมณี รัตนไชยานนท์ บอกว่า สำหรับการรักษาอาการของวัยทอง มีอาทิ การใช้ยาซึ่งมีทั้งที่เป็นฮอร์โมนและไม่ใช่ฮอร์โมน, เจลทาผิวหนัง, ยาเม็ดใส่ช่องคลอดและยาแปะผิวหนัง ประสิทธิภาพของยาได้ผลดีเท่าเทียมกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เป็น และแพทย์จะแนะนำการเตรียมตัวสำหรับคนจะเข้าสู่วัยทองคือการดูแลสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีแคลเซียมสูง ลดอาหารจำพวกแป้ง ไขมันสูง เพิ่มอาหารที่มีเส้นใย ควบคุมน้ำหนัก พักผ่อนให้เพียงพอและควรออก กำลังกายด้วย
นอกจากนี้ นพ. ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย ได้แนะ นำการรับมือของอาการวัยทองว่า มี 3 อ.คือ 1. อาหาร เลือกรับประทานสิ่งที่มีประโยชน์ 2.อารมณ์ พยายามหาอะไรทำเป็นประจำ เพื่อให้สมองและอารมณ์แจ่มใส และสุดท้ายคือ ออกกำลังกาย แต่ถ้าอยากได้รับคำปรึกษา ทางกระทรวงสาธารณสุขมีคลินิกวัยทองให้คำแนะนำในการรับมือกับอาการต่างๆ ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น อย่ากินยาตามที่เพื่อนบอกว่ามีอาการเหมือนกัน ไปพบแพทย์ดีกว่า
ส่วนคนที่ล่วงเข้าสู่วัยทองแล้ว อย่าง พิศมัย วิไลศักดิ์ ได้เล่าถึงการรับมือในวัยทองว่า เป็นคนดูแลตัวเองไม่มีคนรับใช้ จึงต้องทำอะไรทุกอย่างเองก็เหมือนกับได้ออกกำลังกาย พอรู้ว่าเข้าสู่วัยทองก็พยายามใช้สติ ควบคุมอารมณ์ไม่ให้หงุดหงิด และโชคดีที่มีงานที่ได้ใช้สมอง เลยได้ฝึกไม่เป็นอัลไซเมอร์ด้วย.
ข้อมูลจาก :
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=108621